วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สาเหตุของการขาดแร่ธาตุในกุ้ง

กุ้งได้รับแร่ธาตุจาก 2 ทางหลักๆ ได้แก่



            1) ดูดซึมเข้าทางเหงือก ช่องว่างของเปลือก ซึ่งปริมาณที่ได้รับจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของแร่ธาตุที่ละลายอยู่ในน้ำ ทั้งนี้จะมีปริมาณแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่

             2) ดูดซึมเข้าทางระบบทางเดินอาหาร คือได้รับจากการกินอาหารและน้ำ

สาเหตุของการขาดแร่ธาตุในกุ้ง


             1) การเลี้ยงที่ความหนาแน่นสูง แต่แร่ธาตุในน้ำมีอยู่จำกัด

สภาพเช่นนี้ ทำให้แร่ธาตุที่มีอยู่ในน้ำไม่เพียงพอที่จะทำให้กุ้งเจริญเติบโตได้อย่างเป็นปกติ กุ้งสามารถดูดซึมแร่ธาตุส่วนใหญ่จากน้ำได้ ยกเว้นฟอสฟอรัส ที่มีอยู่อย่างจำกัด หรือมีอยู่น้อยในน้ำ โดยจากการสำรวจของ Ahamad Ali และคณะ พบว่า ในน้ำทะเลมีฟอสฟอรัสอยู่เพียง 0.03 ลิลลิกรัม/ลิตร ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณฟอสฟอรัสที่มีในน้ำเลือด (จากการศึกษาของบุญรัตน์ และคณะ) พบว่ามีถึง 170 มิลลิกรัม/ลิตร นั่นแสดงว่า ความเค็มของน้ำ ไม่ได้มีผลต่อปริมาณฟอสฟอรัสในเลือดกุ้ง ดังนั้นกุ้งจึงต้องได้รับฟอสฟอรัสจากอาหารเป็นหลัก

            2) แร่ธาตุที่อยู่ในรูปที่กุ้งสามารถดูดซึมไปใช้ได้มีต่ำ (low bio-availability)

แร่ธาตุเมื่ออยู่รวมกัน อาจทำปฏิกิริยาระหว่างกัน หรือจับตัวกับแร่ธาตุตัวอื่น หรือสารอื่นๆ ในน้ำหรือในทางเดินอาหารของกุ้ง จนอยู่ในรูปที่กุ้งไม่สามารถดูดซึมไปใช้ได้ ยกตัวอย่างเช่น ฟอสฟอรัสและแร่ธาตุตัวอื่นๆ ที่ถูกจับล็อคไว้ในโมเลกุลของไฟเตต จนทำให้ปริมาณฟอสฟอรัสและแร่ธาตุอื่นๆ อยู่ในรูปที่กุ้งนำไปใช้ได้น้อยลง หรือการที่มีแพลงก์ตอนในน้ำในปริมาณมาก แพลงก์ตอนจะนำแร่ธาตุไปใช้ได้ดีกว่ากุ้ง (มากน้อยขึ้นกับปริมาณแพลงก์ตอนในบ่อ) จึงอาจทำให้เกิดการขาดแร่ธาตุได้

           3) ประสิทธิภาพในการละลายในน้ำ และละลายในน้ำย่อยกุ้งต่ำ

แร่ธาตุหลายๆ ตัวละลายน้ำได้ต่ำ ดังนั้นกุ้งจึงนำไปใช้ได้น้อยมาก ดังนั้นแร่ธาตุที่ดีจึงต้องสามารถละลายน้ำได้ดี และจะดียิ่งขึ้นหากสามารถละลายในน้ำย่อยของกุ้งได้ด้วย ซึ่งหากมีคุณสมบัติในการละลายได้ดี กุ้งก็จะสามารถดูดซึมไปใช้ได้มากขึ้น

อาการของกุ้งที่ขาดแร่ธาตุ


อาการของกุ้งที่ขาดแร่ธาตุ จะขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของการขาด ซึ่งอาการที่พบบ่อยได้แก่ เปลือกนิ่ม ลอกคราบไม่สมบูรณ์ ตะคริว ตัวงอ ตัวขาวขุ่น และหากขาดในปริมาณน้อยแต่เป็นเวลานาน จะทำให้อัตราแลกเนื้อสูง และเติบโตช้า

แนวทางในการป้องกันและแก้ปัญหาความผิดปกติที่เกิดจากการขาดแร่ธาตุของกุ้ง

การเสริมแร่ธาตุทั้งในน้ำ และในอาหาร เป็นทางเลือกที่ดีในการป้องกันหรือแก้ปัญหาความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดจากการขาดแร่ธาตุ หรือแร่ธาตุไม่สมดุลได้ โดยควรให้ความสำคัญกับรูแปบบของแร่ธาตุที่กุ้งนำไปใช้ได้มากกว่าประมาณ จะช่วยให้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดยิ่งขึ้น

โกสต์ด่าง ด่างวัว โกสธงชาติ ต่างกันอย่างไร

โกสต์ด่าง ด่างวัว โกสธงชาติ และคำอธิบาย

https://howto-crayfish.blogspot.com/


ทุกวันนี้มองไปทางไหน ใครก็มีโกสต์ด่างขาย เฮ้ย! มันเพาะง่ายขนาดนั้นเลยรึ?

เรามาดู ด่างอะไร เบอร์ไหน ไปดูกัน… จ้า 


เบอร์ 8

โกสต์ด่าง แก้มขาว ที่มาที่ไปในยุคแรกๆ คนจะนิยมโกสต์สีเต็ม ในแต่ละครอกจะมีพวกสีหลุด (ขาวทั้งตัว) และสีด่าง (มีพื้นที่สีขาวเยอะ) พวกด่างแก้มขาว เกิดในยุคที่มีความนิยมเคลียร์ และได้มีการผสมข้ามระหว่างโกสต์และเคลียร์ ได้โกสต์เคลียร์มาบรีดกับโกสต์หลายต่อหลายรุ่น จนได้โกสต์แก้มขาว แต่ในปัจจุบัน กลายเป็นของธรรมดา เพราะมีโกสต์แก้มขาวในตลาดเป็นจำนวนมาก แอดจึงไม่ขอนับโกสต์แก้มขาว ว่าเป็นโกสต์ด่างนะจ๊ะ

เบอร์ 7

โกสต์ด่าง สีลามหรือสีถลอก คล้ายกลุ่มแก้มขาวแต่ส่วนสีขาวจะลามเข้าในพื้นที่สีมากกว่า มีจุดขาวขึ้นในพื้นที่ที่มีสีด้วย ในหลายกรณี ยิ่งลอกคราบ ส่วนที่ขาวยิ่งลามเข้ามา แบบนี้ยังพอกล้อมแกล้มเป็นพวกด่างได้ แต่ก็ยังไม่ถือว่าสวยที่สุด เพราะพื้นที่สีขาวยังน้อย

เบอร์ 6 

โกสต์ด่าง อินทรีย์ จะมีพื้นที่ส่วนคอไปจนถึงกรีเป็นสีขาว คล้ายลวดลายของนกอินทรีย์ ด่างอินทรีย์นี้ จะงามหากสีสันบนลำตัวชัดเจน แล้วหัวขาว

เบอร์ 5 

โกสต์ด่าง ตัวขาว คือสีตั้งแต่หัวถึงหาง จะเป็นสีขาว ส่วนก้ามจะมีสีสัน ด่างตัวขาวนี้ค่อนข้างจะเรียกได้เต็มปากแล้วว่าด่าง เพราะหากก้ามขาวไปด้วยจะกลายเป็นพวกสีหลุดแทน

เบอร์ 4

โกสต์ด่าง หัวขาว โทนแบบนี้จะค่อนข้างหายาก คือ หัวจะขาวปลอด แต่ก้าม และหลัง จะมีสีเต็ม หากก้ามขาวด้วยก็จะมีความน่าสนใจอีกแบบ ด่างหัวขาวนี้ จะมีแพทเทิร์นที่ตรงข้ามคือ หัวและก้ามมีสีเต็ม แต่หางขาว ซึ่งแบบนั้นจะไม่จัดกลุ่มเป็นโกสต์ด่าง

เบอร์ 3 

โกสต์ด่าง วัว ต้องเป็นลักษณะนี้ถึงจะเรียกด่างวัว เพราะจะมีพื้นที่สีขาวเป็นพื้น แล้วมีลวดลายเหมือนวัวเป็นจุดๆ กระจายไปทั่ว ทั้งก้าม หัว และลำตัว แต่ละจุดสีไม่ติดเป็นแพจนเกิดสีเต็ม เบอร์ 3 นี้ จะเป็นด่างวัวสีเดียว ถ้าเป็นโกสต์ส้มด่างวัว ราคาในตลาดก็จะถูกกว่าโกสต์ด่างวัว

เบอร์ 2 

โกสต์ด่าง ซีด คือสีหัวและลำตัวยังเห็นสีจางๆ มันน่าลุ้นว่าลอกคราบแล้วสีจะกลับมาเต็ม หรือด่างไปกว่าเดิม สายลุ้นน่าจะชอบด่างซีดแบบนี้

เบอร์ 1 

โกสต์ด่าง วัว แต่จะมีหลายสี ซึ่งเป็นด่างที่หลายๆ คนหมายปอง หวังมีครอบครองในคอลเลคชั่น ราคาค่าตัวอาจทำให้หลายๆ คนฝันสลายได้  ลายนี้กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดด้วยนะจ๊ะ และยังมีราคาแพง อีกด้วย

โกสต์ด่างอาจมีลักษณะแบบต่างๆ ตามที่ว่ามาผสมผสานกันในตัวเดียวได้ เช่น อาจจะมีด่างวัวปนกับด่างแบบอื่นๆ ในตัวเดียวกัน หรือมีลุ้นในการลอกคราบแต่ละครั้ง ว่าจะด่างมากขึ้น หรือสีกลับมา
บทความนี้ไม่ถึงกับจัดประเภทของความด่าง เพียงแค่พยายามจัดหมวดหมู่ให้เห็นระดับความด่าง เพื่อที่เวลาเห็นใครบอกว่าโกสต์ด่าง จะได้ลองสังเกตดูว่า พื้นที่สีขาวมันมากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ด่าง ฮ่าๆ แต่ด่างเบอร์ไหน จะสวยหรือไม่ ก็อยู่ที่ตัวคุณนั่นแหละคับที่เป็นคนตัดสินใจ

แหม๋… มันจะด่างอะไรเบอร์นี้ <<<

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เลี้ยงกุ้งก้ามแดงด้วยน้ำประปา ไปๆมาๆ เลี้ยงเครฟิชสวยงามซะงั้น

               




  สวัสดีครับ ต้นเดือนมกราคม อากาศร้อนมากๆ บางคนก็เริ่มหยุด ทยอยกันกลับถิ่นฐานเพื่อไปพักผ่อนช่วงหยุดยาวปีใหม่ไทย ส่วนคนเขียนบล็อกไม่ได้หยุดนะครับ... ทำงานครับ...ช่วงที่ผ่านมา Blogger howto-crayfish ได้เขียนบล็อกเกี่ยวกับการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงด้วยน้ำประปา แล้วก็เงียบห่างหายไปไม่ใช่อะไรนะครับ ไม่ใช่เลิกเลี้ยง แต่ยุ่งกับงานไม่ค่อยมีเวลาอัพเดท ถึงตอนนี้ยังเพาะลูกกุ้งไม่ได้ซักครอก รู้สึกว่าเลี้ยงมาจะได้ 6 เดือนแล้วครับ T_T


                เนื่องจากก้ามแดงชุดแรกเป็นตัวผู้หมด ที่เป็นตัวเมียก็ตาย ระหว่างนั้นก็ได้หาซื้อลูกกุ้งสวยงามมาเลี้ยงด้วย ซื้อตั้งแต่ลงเดินราคา ตัวละ 100-200 บาท เป็นสายพันธุ์ โกส ครับ เลี้ยงง่าย โตเร็ว สามสี่เดือน ได้ไซส์ 2.5 - 3 นิ้ว อัพก็ปล่อยขาย ตอนนี้ขายไปแล้ว 3-4 ตัว ราคาตัวละพันกว่า ถือว่าโอเคเลยทีเดียว จากนั้นมาก็เปลี่ยนแผน จับก้ามแดงโยนลงบ่อมืด หันมาเลี้ยงสวยงามแทน ตอนนี้ก็กำลังจับคู่เริ่มผสมพันธุ์แล้วครับ......


สายพันธุ์ที่เลี้ยงตอนนี้ก็มีโกสแท้ โกสส้มหนวดขาว และก็ล่าสุดไปรับลูกโกสเคลียร์มา ส่วนเดสก็พอมีบ้างเลี้ยงไว้ดูเล่น และก้ามแดงก็เลี้ยงขุนไว้ดูว่ามันจะโตสุดเท่าไหร่ เผื่อไปต่อยอดผลิตเป็นกุ้งเนื้อครับ....



สายพันธุ์โกสกำลังมาแรง แพ็ทเทิร์นของโกสแท้จะเป็นดังภาพครับ หนวดขาว ขาลาย หลังมีขอบขาวตัดชัดเจน และบางตัวก็ออกด่างๆ ก้ามด่างครับ ส่วนหัวจะเป็นรูปยิ้มครับ....







เดส เป็นกุ้งสาย c เหมือนกุ้งก้ามแดง โตยาก แต่สีน้ำเงินสวย เล็กๆจะออกน้ำตาล โตไปจะน้ำเงิน โดยขึ้นกับอาหารด้วย ถ้าได้กินพวกโปรติีน กุ้งจะออกน้ำเงินครับ ที่กล่าวถึงคือเดสแท้ ไม่ใช่ลูกผสมนะครับ ถ้าเป็นเดสผสมบลูเพิร์ลมา กุ้งก็จะออกน้ำเงินแต่เด็ก และสีเข้มกว่าเดสทรัคเตอร์ดั้งเดิมครับ ตอนนี้เหลือแค่ตัวเดียวครับ



นี้คือมุมเลี้ยงกุ้งของผม เน้นประหยัดครับ ตอนเล็กๆรับลงเดินมา ผมเลี้ยงในขวดน้ำ 6 ลิตร ตัดปาก ใส่สาหร่าย ไม่ต้องใช้อ๊อกครับ อาศัยเปลี่ยนน้ำบ่อยๆ พอโตสักนิ้วกว่าๆค่อยนำใส่ตู้ที่มีอ๊อก ถ้าพอเลี้ยงแยกได้ก็แยกครับ กุ้งจะได้สวย สมบูรณ์ลดการสูญเสีย เนื่องจากตอนลอกคราบมันชอบกินกัน กุ้งที่เลี้ยงรวมจึงมักหนวดขาด ขาขาด ก้ามหาย เป็นต้น



การอนุบาลลูกกุ้งลงเดินแรกๆใส่สาหร่ายเยอะๆ อาหารแรกๆไม่ต้องให้เยอะ อาหารเม็ดผมให้วันละเม็ดพอ แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นตามขนาดกุ้ง สังเกตน้ำ ถ้าเริ่มขุ่นนิดหน่อยก็เปลี่ยนครับ ถ้ากุ้งเลี้ยงในน้ำดี อาหารถึง รับรองลอกคราบผ่านทุกตัวครับ




กุ้งไซส์ 1.5-2 นิ้ว สีกำลังมา เราควรหาที่หลบให้กุ้งด้วย เช่นท่อดินเผา หรือท่อ พีวีซีครับ เพื่อกุ้งจะได้ไม่เครียด ส่วนอาหารช่วงนี้จะเลิกให้สาหร่ายเพราะตัวจะเหลือง ผมเปลี่ยนมาให้ใบหูกวางที่แช่น้ำจนหมดสีและใบเริ่มจมน้ำแทน



นี้คือโกสส้ม ชอบหลบได้ขอนไม้ ผมใส่ขอนไม้ เป็นที่หลบซ่อน และเป็นอาหารกุ้งได้ด้วย โดยขอนไม้ต้องจมน้ำ มีเทคนิคคือ นำขอนไม้ไปต้ม หรือแช่น้ำไว้นานๆจนกว่ามันจะจมครับ



นี้คืออีกมุม ไซส์ใหญ่แยกเลี้ยง เจาะขวดน้ำ เอาลงบ่อใหญ่ ใช้อ๊อกหัวเดียว ประหยัดงบได้อีกครับ....

          ตอนนี้กำลังผสมสาย P โกสส้มหนวดขาว และโกสแท้อยู่ครับ ฉบับหน้าเดี๋ยวจะมาอัพเดทขั้นตอนการผสม และอนุบาลลูกกุ้งแรกเกิดให้ได้อ่านกันครับ......สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปทำงานก่อน สวัสดีครับ......

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ไขข้อข้องใจ ‘กุ้งก้ามแดง’ เป็นสัตว์เลี้ยงปั่นราคา หรือไม่?

ดร.ประพันธ์ศักดิ์ ศีรษะภูมิ อาจารย์ภาควิชาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เผยถึง ข้อข้องใจของหลายคนที่ว่า กุ้งก้ามแดงเป็นสัตว์เลี้ยงตามกระแส หรือ เป็นสัตว์เลี้ยงปั่นราคา หรือไม่นั้น ???






กุ้งก้ามแดง ไม่ใช่เป็นกุ้งพื้นเมืองของไทย แต่ได้นำเข้ามาจากประเทศออสเตรเลีย เมื่อราว 10กว่าปีเศษที่ผ่านมา โดยจุดประสงค์เพื่อการค้า

อันดับแรก ต้องพูดให้ตรงกันก่อนว่า เรากำลังจะพูดถึงกุ้งก้ามแดง ที่มีสีแดงตรงปลายก้าม  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cherax quadricarinatus     และที่มีวัตถุประสงค์เป็นการเลี้ยงเพื่อบริโภคเนื้อ  (เพราะกุ้งตัวนี้ และบรรดาเครือญาติที่มีสายพันธุ์ใกล้เคียงกัน ก็มีสีสัน คุณสมบัติ จุดประสงค์การเลี้ยงต่างกัน)
ส่วนที่เรียกกันว่า กุ้งเครย์ฟิชนั้น คือการเรียกกุ้งในกลุ่มนี้ ทั้งหมด บางชนิดมีสีสันสวยงาม สีฟ้า สีขาว เป็นต้น (บางสายพันธุ์นำเข้าจากออสเตรเลีย บางสายพันธุ์นำเข้าจากอเมริกาเหนือ) รวมถึงกุ้งก้ามแดง ก็เป็นเครย์ฟิช ชนิดหนึ่ง

(ง่ายๆคือ ภาษาสากลของชาวต่างชาติ เรียกกุ้งทั้งหมดเหล่านี้ ว่าเครย์ฟิช ซึ่งกุ้งก้ามแดงก็เป็นเครย์ฟิชชนิดหนึ่งที่ มีสีแดงตรงปลายก้าม  เลี้ยงได้ทั้งเพื่อการบริโภคหรือเพื่อความสวยงาม คนไทยเรียกกันว่า กุ้งก้ามแดง)

ข้อดีของกุ้งก้ามแดง
           
               มีความทนทาน เลี้ยงง่าย เลี้ยงในกะละมัง ในถังโฟม หลังบ้าน ในบ้านก็อยู่ได้แล้ว

แต่ข้อเสีย คือ










































              1.โตช้า ต้องใช้เวลาในเลี้ยง 8-9 เดือน เมื่อเทียบกับกุ้งก้ามกรามที่ใช้เวลาเลี้ยง 4 เดือนทยอยจับได้// หรือกุ้งขาวที่ จับได้เมื่อมีอายุ 2 เดือนขึ้นไป

              2.อัตราการแลกเนื้อ หรือ FCR (feed convertion ratio) ของกุ้งก้ามแดง สูง หมายความว่า ต้องใช้อาหารเยอะเพื่อให้ได้ให้น้ำหนักกุ้ง เช่น กุ้งก้ามแดงมี FCR 4 นั่นคือ จะได้กุ้ง 1 ตันต้องใช้อาหาร 4 ตัน แต่ขณะที่กุ้งขาว มี FCR แค่ 1.5

             3.สำคัญที่สุดคือ การตลาด อาจารย์บอกว่ากุ้งก้ามแดง เข้ามาในประเทศไทย 10 กว่าปี แต่ตลาดไม่ชัดเจน ไม่มีวางขายทั่วไป อย่างกุ้งขาว หรือกุ้งก้ามกราม
กุ้งก้ามแดง ยังจัดว่าเป็นกุ้งที่รู้จักกันเฉพาะกลุ่ม คนที่รู้จักกุ้งก้ามแดง คือ ภัตตาคาร หรือโรงแรม อีกทั้งผลผลิตที่ออกมา ไม่มากพอที่จะขับเคลื่อนไปในตลาด อันมีข้อจำกัดมาจากการเติบโตช้า





         

                 สิ่งที่เกิดขึ้น ในตลาดกุ้งก้ามแดงที่เห็นอยู่ในเวลานี้คือ การปั่นราคาขายลูกกุ้ง ลูกกุ้งไซซ์ลงเดินที่ขายกันปัจจุบันอยู่ทีตัวละ 15 บาท  บางครั้งขึ้นไปสูงถึง 30 บาท ซึ่งหากเกษตรกร คิดจะซื้อมาเพาะเลี้ยง ก็จะใช้ต้นทุนที่สูงมาก เช่น ในพื้นที่ 1 ไร่ อาจจะต้องใช้ 2-3 พันตัว หากคิดราคาลูกกุ้งที่ต่ำที่สุดคือ 10 บาท ก็จะใช้เงินค่าพันธุ์กุ้ง ที่ 2-3 หมื่นบาทแล้ว
นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่า มีการพยายามชักชวน เกษตรกรเพื่อให้เลี้ยงกุ้งก้ามแดงในนาข้าว โดยบอกว่า จะได้ราคาถึงกิโลกรัมละ 1,000 บาท ซึ่งใครเห็นตัวเลขนี้ก็ตาโต แต่อยากให้คิดถึงเรื่องการตลาดรับซื้อให้มากๆ ว่าเพาะไปแล้ว ลงทุนไปแล้วจะมีคนซื้อหรือไม่
กลุ่มผู้เพาะพันธุ์กุ้งก้ามแดง ไม่เพียงแต่พยายามโปรโมทให้คนมาเลี้ยง ก็ยังพยายามให้กรมประมง ลดความเข้มงวดของข้อกำหนดทางกฎหมายลง
เนื่องจาก กุ้งตัวนี้ เป็นกุ้งสายพันธุ์จากต่างประเทศ ถ้าจะเลี้ยงเพื่อการค้าจะต้องขออนุญาต ขึ้นทะเบียนกับกรมประมง ซึ่งจัดเป็นกุ้งควบคุม ด้วยเกรงว่าจะนำเชื้อโรคมาสู่กุ้งพื้นเมืองของบ้านเรา ในขณะที่บางฟาร์มก็ให้ความร่วมมือดีปฏิบัติตามข้อกำหนด ไปขึ้นทะเบียนฟาร์มอย่างดี



มาถึงคำแนะนำสำหรับผู้สนใจ
อาจารย์ประพันธ์ศักดิ์ แนะนำคนที่สนใจ ผ่าน ‘เส้นทางเศรษฐีออนไลน์’ ว่า ถามตัวเองก่อน ว่าต้องการเลี้ยงเพื่ออะไร ถ้าจะเลี้ยงเล่นๆ เลี้ยงเพื่อสวยงามนิดหน่อย ไม่เป็นไร

แต่ถ้าต้องการเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ ลงทุนสูง ต้องดูตลาดให้ชัดเจน ลองไปสำรวจตลาด ไปสะพานปลา หรือตลาดไหนก็ได้ ไปดูว่าความต้องการกุ้งตัวนี้เป็นอย่างไร เพราะอาจจะมีการโฆษณาว่า มีการส่งออกได้เท่านั้นเท่านี้  ตลาดรับซื้อไม่อั้น ซึ่งจริงๆ คนที่บอกอย่างนั้นอาจจะต้องการแค่ขายลูกพันธุ์  ดังนั้นสรุปได้ว่า การตลาดจะเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดของกุ้งก้ามแดงนั่นเอง

ขอบคุณภาพ อภิวัฒน์ คำสิงห์ / ภัทรวัตร อ่วมเมือง



“กุ้งเครย์ฟิช” ผสมพันธุ์แปลก แหวกตลาด เลี้ยงไม่ขำ ทำเงินแสนต่อเดือน

“กุ้งเครย์ฟิช” ผสมพันธุ์แปลก แหวกตลาด เลี้ยงไม่ขำ ทำเงินแสนต่อเดือน


ไม่ว่าใครก็อยากทำ อยากยึดอาชีพกับสิ่งที่ตนรักหรือชอบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การดำเนินชีวิต หรือการท่องเที่ยว ผู้คนก็อยากไปหรือทำในสิ่งที่ชอบและอยากทำ แต่มีอีกหลายคนที่ความชอบ กับความจริงที่ต้องเผชิญยังมีความต่างกันมาก หรือกระทั่งบางคนยังหาไม่พบในสิ่งที่อยากทำก็มี

การได้ทำงานในสิ่งที่ชอบ แถมยังสร้างรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ ถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง อย่าง คุณไพรรัตน์ ดวงดา หรือ ช่างเอ วัย 39 ปี ที่มีความสุขและรายได้อย่างคาดไม่ถึงจากงานอดิเรก ที่ลงทุนเพียงเพราะความชอบ จนสามารถสร้างรายได้มากกว่าทำงานอาชีพหลักเสียด้วย
มีร้านพริ้นเตอร์ เป็นธุรกิจ



เลี้ยงกุ้งเครย์ฟิช เพราะชอบ


คุณไพรรัตน์ ดวงดา หรือ ช่างเอ ผู้เลี้ยง-เล่นกุ้ง สวยงามชั้นแนวหน้าในเมืองไทย ทั้งเป็นประธานกลุ่มประมูลกุ้งเครย์ฟิชทุกสายพันธุ์ และเป็นเจ้าของศูนย์การเรียนรู้ CA Crayfish Signature เล่าว่า เริ่มเลี้ยงกุ้งมาตั้งแต่ปี 2013 และ “ช่างเอ” เป็นชื่อฉายาที่คนในวงการกุ้งเขาเรียกกัน ซึ่งก่อนที่จะมาเลี้ยงกุ้ง แต่เดิมผมเป็นคนจังหวัดอุทัยธานี เรียนจบมัธยมปลาย ก็เข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ ทำมาหลากหลายอาชีพ ทั้งคนเดินเอกสาร รับซ่อมคอมพิวเตอร์ ก่อนจะมาเปิดธุรกิจพริ้นเตอร์เป็นของตัวเอง

หลังจากที่เปิดธุรกิจพริ้นเตอร์มาประมาณ 6-7 ปี บังเอิญได้รู้จักกับกุ้งสวยงาม หรือที่เรียกกันว่า กุ้งเครย์ฟิช ช่วงก่อนนั้นยังไม่ฮิตอย่างปัจจุบันนี้ ตอนนั้นสายพันธุ์กุ้งก็ยังมีไม่มาก เพราะเป็นกุ้งนำเข้า ราคาก็ค่อนข้างแพง แต่ด้วยความชอบส่วนตัว จึงไปเดินตลาดนัดจตุจักร ลองซื้อมาทดลองเลี้ยง ศึกษาดู จึงเป็นที่มาของการเลี้ยงอย่างทุกวันนี้”

แต่ถึงแม้ว่าจะชอบ ก็ใช่ว่าการเลี้ยงกุ้งจะไม่มีอุปสรรค ช่างเอ บอกว่า “กว่าจะก้าวหน้ามาอย่างทุกวันนี้ จนสามารถสร้างกลุ่มประมูลกุ้งได้ และได้รับความนิยม มีผู้คนให้การยอมรับในคุณภาพ มันไม่ง่ายเลย ต้องเจออุปสรรคมาไม่น้อย

โดยยกตัวอย่างมาเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่ช่างเอจะมีชื่อเสียง โดนใส่ร้าย ปั่นราคาเรื่องการเลี้ยงกุ้งมาไม่น้อย บางครั้งถึงขั้นกล่าวหาว่าหลอกขายกุ้งก็มี แต่ทุกปัญหาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะกุ้งที่เลี้ยงและผสมพันธุ์ได้ มีคุณภาพและเชื่อถือได้ ตนไม่กั๊กข้อมูลการผสมพันธุ์ของพ่อ-แม่พันธุ์กุ้งว่าเป็นสีอะไร สายพันธุ์ไหน เวลาจะช่วยพิสูจน์ความจริงในสิ่งที่ทำ

อีกทั้งช่างเอยังเล่าอีกด้วยว่า “มีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่ทำให้กุ้งเครย์ฟิช เป็นกระแสฮือฮาขึ้น ก็คือ กุ้งที่ผมเลี้ยงในโกดังแถวลาดพร้าว ถูกขโมยไปหลายตัว มูลค่ารวมก็เป็นแสนบาทได้อยู่ ตัดสินใจไปแจ้งความที่โรงพัก เป็นช่วงที่มีนักข่าวมารอทำงานอะไรสักอย่างที่โรงพักพอดี แต่บังเอิญว่าข่าวที่รอ กลับไม่มาตามคาดหมาย ผมเลยถามว่า สนใจอยากทำข่าวกุ้งหายไหม ราคาก็เป็นแสนอยู่ ปรากฏว่าได้เสนอข่าวไป ทำให้กุ้งเครย์ฟิชเป็นที่รู้จักขึ้นมามากขึ้นในเมืองไทย”




ผสมพันธุ์แปลก แหวกตลาด

งานอดิเรก ทำเงินแสน


               ด้วยเพราะความชอบ เลี้ยงมาหลายปีแล้ว จึงมองว่าการเลี้ยงกุ้งสวยงามสิ่งที่เห็นว่าสำคัญคือการผสมพันธุ์ สร้างความแตกต่างให้กับตลาดคนเลี้ยงกุ้ง แต่ต้องได้กุ้งเครย์ฟิชที่ได้คุณภาพ มีเอกลักษณ์และสีสวย อีกทั้งยังมีมูลค่าตามแต่ความพึงพอใจของผู้ซื้อและผู้ขาย

               โดยช่างเอ บอกว่า “จากการเปิดประมูลขายกุ้งของเขา สามารถสร้างรายได้จากการประมูลขายกุ้ง เดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้ที่มากกว่าการเปิดร้านซ่อมพริ้นเตอร์ที่ทำมาเสียอีก กุ้งเครย์ฟิชจึงเป็นสัตว์เลี้ยงที่ช่วยสร้างรายได้สวนกระแสเศรษฐกิจในปัจจุบันมาก สามารถเลี้ยงได้ทั้งเป็นอาชีพหลัก อาชีพเสริม เพราะกุ้งตัวนี้พึ่งเริ่ม ยังสามารถพัฒนาไปได้อีกไกล”

กุ้งเครย์ฟิช เป็นกุ้งเลี้ยงสวยงาม มีหลากหลายสายพันธุ์ เป็นสัตว์น้ำจืด เลี้ยงง่าย ดูแลไม่ยุ่งยาก โดยช่างเอ บอกว่า “ตอนนี้ผู้เล่นกุ้งในเมืองไทย ให้ความสนใจและนิยมคือ “กุ้งโกสต์” มีลักษณะหลากหลายสี โดยจัดอยู่ในตะกูลกุ้งก้ามหนาม สาย P มีหลายสีให้เลือกเลี้ยง เช่น สีส้ม สีขาว สีแดง สีฟ้า สีน้ำเงินแถบขาว ส่วนกุ้งที่อยู่ในตระกูล Procambarus Clarkii Ghost ซึ่งเป็นกุ้งสายพันธุ์ต่างถิ่น ไม่ใช่กุ้งเมืองไทย แต่ถูกนำมาเพาะเลี้ยง และเป็นที่รู้จักกันในนาม กุ้งก้ามหนาม หรือ กุ้งโกสต์ ซึ่งมีลักษณะเด่น ที่หนวดขาว หลังสีน้ำเงิน ตัดขาว หางแดง 5 ดอก ขาขาวสลับแดง หรือบ้านเราเรียกกันว่า โกสต์สีธรรมชาติ มีลักษณะแตกต่างจากกุ้งสายพันธุ์อื่นๆ ที่ลูกออกมายังไงก็ได้ลูกเหมือนกับพ่อแม่ ด้วยลักษณะเด่นที่สามารถเปลี่ยนแปลงสีสันได้ จึงทำให้เกิดการเลี้ยงกุ้งเพื่อสร้างรายได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งได้มีการนำกุ้งสีที่มีลักษณะเด่นต่างๆ มาพัฒนาสายพันธุ์ เพื่อให้ได้ความสวย จนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากโกสต์สีธรรมชาติ จนได้ความสวยงามที่แตกต่างจากโกสต์ดั้งเดิมในปัจจุบัน

โดยเฉพาะกุ้งโกสต์ ที่เป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ ที่เหล่าผู้เพาะพันธุ์ต่างขนานนามว่า “โกสต์ด่าง” หรือ “โกสต์วัว” และชื่ออื่นๆ แล้วแต่คนจะเรียกกัน มีลักษณะเด่นคือ ลำตัวมีสีขาวเป็นสีพื้น และมีสีสันลวดลาย สีอื่นแต่งแต้มเล็กน้อย เหมือนราวกับปูนปั่นสีขาวที่ถูกแต่งเติมสีสัน ลวดลาย มีเอกลักษณ์ จนมีราคาแพง เพราะความมีสีสันโดนเด่น และมีปริมาณไม่พอกับความต้องการของเหล่านักสะสม จึงทำให้มีราคาสูง และมีความคาดหวังอยากจะเพาะพันธุ์ให้ได้สีแบบที่ต้องการ ของเหล่านักเพาะพันธุ์กุ้งสวยงาม และนักสะสม”



โดยช่างเอ บอกว่า นี่จึงกลายเป็นจุดเด่นทางการตลาด เพราะหากไม่มีการพัฒนาสายพันธุ์ สี ให้ตรงกับความต้องการของตลาดและมีแต่กุ้งสีเดิมๆ ไม่มีการพัฒนาสีกุ้งให้มีสีโดดเด่น วงการกุ้งก็จะมีแต่กุ้งสีเดิมๆ ไม่พัฒนา อาจส่งผลให้ตลาดกุ้งสวยงามมีความนิยมน้อยลง และตันในที่สุด

จากประสบการณ์ตรง กุ้งโกสต์ด่าง มีโอกาสที่จะเกิดนั้นมีหลายปัจจัยซึ่งอาจหลุดมาประมาณ 5-10% ใน 1 คอก ซึ่งเกิดจากข้อสันนิษฐานมากมาย เช่น ยีนเด่นยีนด้อย และ อัตราการเกิด เชื้อตัวผู้ที่ผสม แม่กุ้งตัวหนึ่งให้ไข่ราว 100-200 ใบ โอกาสเชื้อสีเต็มจะถึงทุกใบ คงเป็นไปไม่ได้


ดังนั้น จึงมีโอกาสเกิดกุ้งที่มีลักษณะโทนสีมาทาง “ด่าง” หรือสีไม่เต็ม เหมือนพ่อแม่พันธุ์ และสุดท้าย นักพัฒนาก็หาสมมติฐาน ทดลอง เอายีนที่ด่างออกมาชนกับสีเต็มบ้าง เพื่อทดลอง ให้ได้มาซึ่งกุ้ง ที่ถูกใจความต้องการของตลาด และคนที่รู้จริงคือคนที่ผ่านการทดลอง และได้สีโกสต์ด่างตามที่คาดหวังไว้ และสามารถที่จะผลิตออกมาได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นที่ยอมรับในวงการกุ้งสวยงาม”

แต่หากไม่มีการพัฒนาสีสันและสายพันธุ์ ให้ตรงกับความต้องการของผู้เลี้ยงกุ้งสวยงามในเมืองไทย ก็อาจส่งผลให้ราคาตกต่ำ ผู้สนใจเลี้ยงอาจน้อยลง ผู้เลี้ยงที่อยากก้าวสู่การเป็นนักพัฒนาต้องไม่หยุดนิ่ง ควรหาความรู้ สอบถามจากผู้มีประสบการณ์ เห็นด้วยตา ทดลองด้วยตนเอง จึงจะประสบความสำเร็จ ช่างเอ กล่าวทั้งยังบอกอีกว่า




“หากต้องการเลี้ยงเพื่อทำเป็นธุรกิจ เขามีเทคนิคว่า 1.ความพร้อมในการเตรียมบ่อ การเพาะพันธุ์เพื่อทดลอง ตู้เลี้ยงเพื่ออนุบาลลูกกุ้งลงเดิน 2.การซื้อลูกกุ้งลงเดิน มาเลี้ยงเพื่อใช้เป็นทุนระยะยาว เพื่อเป็นพ่อแม่พันธุ์ได้ ทั้งยังขายเพื่อเอาทุนขึ้นด้วย 3.การสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงการกุ้ง และ4.พัฒนาสายพันธุ์กุ้งให้ตรงกับความต้องการของตลาด มองทิศทางตลาดของกุ้งให้เป็น ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลาพอสมควร”




ใครที่สนใจ เข้าไปลองหาข้อมูลได้ที่เฟซบุ๊กเพจ : ประมูลกุ้งเครย์ฟิชทุกสายพันธุ์ หรือติดต่อสอบถามกันได้ที่ เฟซบุ๊กของช่างเอ : Prairut Duangda

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

การใส่เกลือให้กุ้งโกส

การใส่เกลือให้กุ้งโกส 



             น้ำ   อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมในการเลี้ยง Crayfish คือช่วง 23-28 องศาเซลเซียล ค่า PH ที่เหมาะสมคือประมาณ PH7.5 - 10.5 ที่มีความกระด้างสูง ผู้เลี้ยงสามารถใส่เกลือลงไปในตู้ได้ นอกจากนี้เกลือยังช่วยเสริมแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อการลอกคราบและสร้างเปลือกใหม่ด้วย สำหรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำ ผู้เลี้ยงควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยๆ แต่ทีละน้อยๆ เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงอุณภูมิฉับพลัน น้ำที่ใช้ควรจะสะอาดและปราศจากคลอรีนด้วยคำเตือน !!! ... ไม่ใส่เลยจะดีที่สุดเลี้ยงแบบธรรมชาติ ผู้เลี้ยงปกติไม่มีใครเค้าใส่ลงไปกัน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ใส่ไม่เป็นเสี่ยงตาย

เกลือที่ว่านี้ คือ " ดีเกลือฝรั่ง "

               ดีเกลือฝรั่ง มีสูตรทางเคมีว่า MgSO4.7H2O ดีเกลือชนิดที่เป็นเกลือซัลเฟตของแมกนีเซียม หรือเรียกว่า "แมกนีเซียมซัลเฟต" เรียกเป็นภาษาสามัญแบบฝรั่งว่า Epsom salts มีลักษณะเป็นผงผลึกหรือเกล็ดขาว คล้ายผงชูรส ไม่มีกลิ่น ละลายน้ำได้ มีรสขมฝาด ไม่ได้เค็มเหมือนเกลือได้มาจากการนำน้ำทะเลมาเคี่ยวจนแห้ง เหลือเป็นเกลือสะตุ แต่ยังมีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นจากอากาศอยู่ ดังนั้น เมื่อวางดีเกลือทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง จะทำให้จับตัวแข็งเป็นก้อน สำหรับปลาดีเกลือจะช่วยในการ ขับถ่ายของปลา และขับน้ำที่ค้างอยู่ในช่องท้อง ตลอดเจนในช่องว่างของตัวปลาที่มีการบวมน้ำ ใช้รักษา อาการอาหารไม่ย่อย ตัวบวมน้ำ เกล็ดพอง เสียการทรงตัว และช่วยเพิ่มแร่ธาตุให้กับน้ำ ทำให้ปลาสดชื่น แข็งแรง ลดความเครียดได้


สำหรับเครใช้เพื่อเพิ่มปริมาณแมกนีเซียม ช่วยกุ้งสร้างเปลือกใหม่ ในช่วงลอกคราบ

ดีเกลือ " ไม่ได้ช่วยฆ่าเชื้อโรค " 

                  หาซื้อได้ตาม ร้านขายสัตว์น้ำ , ร้านอุปกรณ์เลี้ยงปลา , ร้านขายยาแผนโบราณ แบบซอง ซองล่ะ 5 บาท , ร้านเบเกอรี่ , ร้านขายสารเคมีมั่วไป วิธีใช้ ชั่งตวงตามอัตราส่วน เทใส่กระชอนตักปลาแล้วปล่อยให้ละลาย เพราะ เกลืออาจสกปรก ใส่แล้วอย่าลืมตรวจค่า PH ว่ายังอยู่ในช่วงที่กำหนดหรือไม่ ?


เคล็ดลับในการเซทตู้ใหม่??

 เคล็ดลับในการเซทตู้ใหม่



              ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการเซ็ทตู้ให้มีระบบของแบคทีเรียและวัฎจักรต่างๆสมบูรณ์ การเสริมด้วยแบคทีเรียสำหรับเซ็ทตู้ เช่น B4, Green Bacter เป็นทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับตู้ที่มีกุ้งเรดบีอยู่แล้ว แต่สำหรับตู้ที่เพิ่งเซ็ทใหม่ยังไม่ได้ลงกุ้ง 



              ผมแนะนำให้ใช้เคล็ดลับของการเซ็ทตู้ทะเลครับ โดยการใส่ซากปลาที่ตายแล้วหรือเนื้อกุ้งเล็กน้อย ใส่ลงไปในตู้ให้เกิดการเน่าเปื่อย เพื่อเป็นการเร่งระบบของแบคทีเรียให้เร็วยิ่งขึ้น ควรเปลี่ยนน้ำอาทิตย์ละครั้ง เซ็ททิ้งไว้เป็นเวลา 2 - 3 อาทิตย์เท่านี้  ก็ทำให้อุ่นใจขึ้นว่า ระบบแบคทีเรียในตู้ของคุณพร้อมแล้วสำหรับสมาชิกเรดบีตัวใหม่ ในระยะการเซ็ทตู้ดังกล่าว ควรปลูกไม้น้ำลงไปด้วย เช่น ไม้ข้อโตเร็ว ( stem plant) เพราะไม้น้ำพวกนี้จะช่วยดูดซับสารอาหารส่วนเกินในช่วงแรก ทั้งยังช่วยเติมเต็มวัฎจักรของไนไตร ไนเตรทอีกด้วย ไม้น้ำ (Stem plant) ที่ปลูกง่ายได้แก่ โรท่าร่าเขียว, ขาไก่ด่าง, สาหร่ายเด่นซ่า, โคบัมบาเขียว, เพิร์ดวีดธรรมดา etc 

จะเปลี่ยนน้ำกุ้ง เมื่อไหร่ดี?

จะเปลี่ยนน้ำกุ้ง เมื่อไหร่ดี?



           เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนเปลี่ยนน้ำตู้เรดบีแล้วนับว่าเป็นสิ่งที่เพื่อนๆ ต้องทำให้เป็นนิสัยเลย หากตู้ของเพื่อนๆ อยู่ในช่วงเซ็ทตู้ใหม่ ในช่วงเดือน หรือสองเดือนแรกคงต้องขยันเปลี่ยนน้ำซักนิดนึงครับ 
4 – 5 วันต่อครั้งน้ำที่ใช้เปลี่ยนสามารถใช้นำประปาเปลี่ยนได้ครับ แต่ต้องทิ้งไว้ 1 คืนให้คลอรีนระเหยออกก่อน 

           เรื่องอุณหภูมิหากเปลี่ยนจำนวนไม่มาก 15 – 20 % ไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้นกับกุ้งเรดบีครับ อุณภูมิจะเปลี่ยนแปลงไม่เกิน 2 c’ แต่ถ้าเปลี่ยนในปริมาณมาก เช่น 50% หรือในกรณีล้างเครื่องกรอง ควรนำน้ำที่พักให้คลอรีนละเหยมาวางไว้ในห้องแอร์ เพียงเท่านี้ปัญหาเรื่องอุณหภูมิก็หมดไปแล้วครับ เพื่อนๆ 
บางคนที่มีแท็งก์กักน้ำไว้ สามารถใช้เติมได้ทันทีครับ (ซึ่งผมใช้วิธีนี้อยู่) แต่ควรเปลี่ยนในช่วงเช้า หรือช่วงค่ำที่อุณภูมิน้ำในแท็งก์เย็นลงแล้ว

วิธีขนย้ายกุ้งโกส ยังไงให้ปลอดภัยที่สุด!!


วิธีขนย้ายกุ้งโกส ยังไงให้ปลอดภัยที่สุด!!




                  เวลาเพื่อนๆ ไปซื้อของที่จตุจักร แน่นอนว่าต้องหอบหิ้วของกันพะรุงพะรังแน่ๆ เลยใช่มั้ยครับ ยิ่งถ้าไปวันเสาร์อาทิตย์ด้วยแล้ว คนยิ่งมากไปอีกหลายเท่า หิ้วน้องกุ้งฝ่าฝูงชนนับร้อยในวันเสาร์ อาทิตย์ที่จตุจักรดูจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความสามารถในการหลบหลีกสูงทีเดียว ทำไมไม่ลองไปวันธรรมดาดูครับ ที่จตุจักรพล่าซ่าร้านค้าจะเปิดทุกๆวันครับ (ร้านบางร้านอาจปิดวันจันทร์) 




                สำหรับวันพฤหัสอาจหาที่จอดรถยากสักนิดและมีคนมากเพราะเป็นวันที่มีตลาดนัดต้นไม้ด้วย วันจันทร์ อังดาร หรือพุธ ก็น่าจะเข้าท่าทีเดียวที่เราจะมีเวลาเดินดูปลาสวยๆ และไม่ต้องเหงื่อไหล ฝ่าฝูงชน (ผมนอกเรื่องไปไกลแล้วครับ) เวลาซื้อกุ้งควรจะซื้อเป็นรายการสุดท้ายครับ เพื่อไม่ให้อุณหถูมิภายนอกเปลี่ยนแปลงมากเกินไป (อาจหาถุงเล็กๆใส่น้ำแข็ง เล็กน้อย แนบไปกับถุงกุ้งด้วย หากต้องเดินทางนาน หรือรถติด) จำนวนกุ้ง 1 ถุง ไม่ควรเกิน 10 ตัว เพื่อลดกรณีของเสียจากกุ้งอาจที่อาจทำให้พวกมันตายได้และควรใส่มอสหรือไม้น้ำลงไปเล็กน้อย เพื่อลดการกระทบกระทั่งและให้กุ้งได้เกาะพักครับ ถ้าเราจะไปซื้อของอย่างอื่น อาจฝากที่ร้านเอาถุงกุ้งลอยน้ำในตู้ของมันไปก่อนก็ได้ครับ 

(แต่อย่านานมากนะครับ) พอถึงบ้านแล้วให้มุ่งตรงเอาถุงกุ้งไปลอยน้ำในตู้ไว้ก่อนเลยครับ ทิ้งไว้ประมาณ 30นาที - 1ชม (อย่าทิ้งไว้เกินกว่านี้นะครับ เพราะผมเคยเจอกรณีแบบนี้มาแล้ว กุ้งตายเกือบหมดถุงเลยครับ) จากนั้นอย่าเพิ่งเทกุ้งลงไปนะครับ อ่านวิธีการปล่อยกุ้งกันก่อนครับ

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

หนุ่มนครปฐมเพาะกุ้งโกสขาย ตัวละ 1000000 บาท ว้าววววววว !!!

ผู้ขาย FB:กนกภูมิ ศิริวัฒน์  
https://www.facebook.com/kanokphum

พยาน FB:Pin S. CrayfishGold
https://www.facebook.com/profile.php?id=100014088005389


การซื้อขายครั้งนี้
ซื้อตัวผู้ 1 ตัวประเอกของงาน ราคา 1 ล้านบาท
แถม ตัวเมีย 1 ตัว 
และ ลงเดินอีกจำนวนนึง









ค่าตัว สินสอดครั้งนี้ + +